.
Select Group
BANK
FINANCE
PROPERTY
BUILDING
ENTERTAIN
 


 


1.) Graph แบ่งเป็น 3 ส่วน; Price pattern, Stochastic, MACD
2.) สัญญาณ buy-sell มีสองสีคือ สีน้ำเงินจะแสดงรอบใหญ่ (primary cycle) ส่วนสีม่วงจะแสดงรอบย่อย (intermediate cycle)
3.) เมื่อเกิดสัญญาณซื้อ (ลูกศรขึ้น) ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำเงิน หรือม่วง ให้รออีกประมาณ 1-2 วัน เพื่อ confirm ว่าทิศทางของราคาหุ้นมันจะเปลี่ยนเป็น uptrend แล้วเข้าซื้อ
4.) แบ่ง port เป็นสองส่วน
     -     ส่วนที่หนึ่งซื้อหุ้นด้วยจำนวนเช่น 100 หุ้น ณ ราคาที่ผ่าน confirm แล้ว
     -     ส่วนที่สองซื้อหุ้นด้วยจำนวน          50 หุ้น ณ ราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น 1-2 %
 (
จำนวนหุ้น 100 และ 50 หุ้นเป็นจำนวนตัวอย่างเท่านั้น แต่ความหมายคือ port ส่วนที่สองให้ซื้อด้วยจำนวนที่ลดลง 50% ของ port ส่วนที่หนึ่ง )
     การที่แบ่ง port เป็นสองส่วน เพื่อป้องกันกรณี price pattern ไม่เปลี่ยน trend และต้องตั้ง cutloss 3%, 5%, 10% ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่สามารถรับได้ ( Risk Management) อย่างน้อยที่สุดหากขาดทุน ก็ขาดทุนในส่วนที่เราตั้ง cutloss ไว้บนจำนวนเงินของ port ส่วนที่หนึ่ง
5.) รอสัญญาณขาย ( ลูกศรลง )
6.) stochastic จะช่วยสร้างความมั่นใจ เมื่อเส้นกราฟ stochastic อยู่ในส่วน oversold พร้อมกับสัญญาณซื้อเกิดขึ้น และเมื่อ stochastic อยู่ในส่วน overbought  พร้อมกับสัญญาณขายเกิดขึ้น ก็จะทำให้เราเกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น

.


ต้องมีวันัยในการเล่นหุ้น (discipline) เพราะการเล่นหุ้นก็เหมือนกับการทำธุรกิจ ลองเปรียบเทียบดูนะครับ
     - ตลาดหุ้น ก็คือตลาดสินค้าทั่วๆไป
     - สินค้าในตลาดหุ้น ก็คือหุ้นที่มีให้เลือกมากมาย
     - สินค้าหุ้นมีทั้งคนนิยม และล้าสมัย ดังนั้นถ้าจะซื้อสินค้ามาขาย สินค้านั้นต้องเป็นที่นิยมด้วย นั่นก็คือต้องมี volume มากๆ จะทำให้การซื้อขายคล่องตัว ผิดกับซื้อขายสินค้าที่มี volume ต่ำๆ ถึงแม้เราซื้อมาได้ในราคาถูก แต่หากไม่มีคนซื้อ สินค้าตัวนั้นก็จะต้องถูกเก็บไว้ใน stock และมันก็จะมี cost ในการเก็บรักษา
     - สิ้นค้าที่เราซื้อมาเพื่อขาย เรามีจุดประสงค์เพื่อทำกำไรจากสินค้าตัวนั้นๆ โดยที่เราต้องไม่หลงรัก ( in love ) กับมัน เพราะมันจะทำให้เราเกิด bias เช่นหากเราชอบเสื้อสีแดงและคิดว่าคนอื่นก็ชอบด้วย แล้วเราก็ซื้อมาขาย แต่สุดท้ายก็ขายไม่ได้ เพราะคนอื่นเขาไม่ชอบ ดังนั้นลองมองมุมใหม่คือ ดูว่าคนซื้อเขาชอบสีอะไร และเราก็หาเสื้อสีนั้นมาขาย อย่างนี้ไม่ดีกว่าเหรอ
     - การค้าขาย ไม่ใช่ว่าจะมีกำไรทุก transaction เพราะบางครั้งสิ่งที่คุณคิดมันอาจจะผิดก็ได้ (ไม่ว่ากัน ) แต่ถ้าคุณรู้ตัวว่าผิดพลาด และยอมรับว่าพลาดจริงๆ คุณก็จะแก้ปัญหาได้ทันเหตุการณ์ เช่น ถ้าคุณซื้อกางเกงยีนส์ที่คุณคิดว่าเป็นที่นิยมกันมาขาย แต่มันไม่เป็นไปตามนั้น เพราะบางครั้งอาจจะลืมคิดหรือลืมมองปัจจัยอื่นๆ ทำให้ขายไม่ได้ เพื่อไม่ให้ทุนที่ลงไปสาบสูญ ก็ต้องขาย loose stock เฉกเช่นการตัดขายขาดทุนของหุ้น ( cutloss ) นั่นเอง แต่เป็นการขายขาดทุนที่คุณได้วางแผนไว้แล้วล่วงหน้า
     - หากปฏิบัติตามขั้นตอนที่กล่าวไว้ข้างต้น รับรองได้ว่าคุณต้องประสบความสำเร็จแน่นอน

.